ดูแลคนที่เรารักตั้งแต่ตอนที่เขายังเดินได้ ดีกว่าไหม

เป็นความห่วงใย ที่ผมอยากจะบอกให้เพื่อนๆรู้ว่า หากการดูแลคนที่เรารัก หากการที่เราจะสามารถช่วยเพิ่มความสบายเวลาเดิน อย่ารอจนเข่าเสื่อมมากๆแล้วค่อยมาดูแล มันอาจจะสายเกินไป อ่านบทความดีๆเรื่องการดูแลสุขภาพข้อเข่าจากที่นี่ การดูแลอาการข้อเข่าเสื่อม

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

สำรวจตลาดก่อน จัดตั้งธรุกิจ

คนที่คิดจะเริ่มทำธุรกิจ ส่วนใหญ่จะคิดถึงรายได้ที่จะเข้ามา หรือ กำไร เป็นหลัก ดังนั้น เวลาเริ่มธุรกิจ ก็จะหาธุรกิจที่คิดว่า ได้กำไรเป็นจำนวนมาก ซึ่งความคิดนี้เป็นกันทุกคน เพียงแต่ อาจจะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้คนเริ่มทำธุรกิจประสบกับปัญหาจากกับดักทางความคิดได้ และ ก็ยังมีคนอีกหลายคนที่รู้ว่า จุดนี้เป็นจุดที่จะหาเงินกับคนกลุ่มนี้ได้ด้วย...

ความคิดเรื่องกำไรนั้น เป็นเรื่องปกติ แต่การจะได้มาซึ่งกำไรนั้นควรจะมีเหตุ และ มีผลประกอบ อย่างมีหลักการณ์ อย่างเช่น หากคุณกำลังจะซื้อ ธุรกิจเฟรนไชส์เกี่ยวกับอาหารสักอย่าง เขาจะเอาตัวเลขต่างๆนานามาให้คุณดู ว่า มันได้กำไรมากมาย รับรองว่าจะได้อย่างนั้น จะได้อย่างนี้ เมื่อเห็นตัวเลขในอนาคตที่จะได้ รับรองว่า ทุกคนอยากจะได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะตัดสินใจทำธุรกิจเหล่านั้นทุกคน

เมื่อมองเห็นว่าธุรกิจที่จะทำนั้น เป็นสิ่งที่น่าสนใจ และ ยิ่งเป็นธุรกิจที่มีคนทำแล้ว ผมแนะนำว่า คุณควรจะหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจนั้นๆ อย่างละเอียด เริ่มจาก ตรวจนับการขายจริงของธุรกิจนั้นๆ ทั้งในวันธรรมดา และ วันเสาร์อาทิตย์ หรือ อาจจะตรวจวัด ตามตารางเวลาของแต่ละวันด้วย เพื่อจะได้ข้อมูลที่ละเอียดขึ้น การจะได้ข้อมูลเหล่านี้นั้น มีวิธีง่ายๆ คือ การนับจำนวนคนใช้บริการ กับคนที่สนใจ ตารางที่ผมมักจะแนะนำเพื่อนๆให้ใช้ คือตารางลักษณะ ตามรูปครับ

วิธีการทำก็แสนจะง่าย คุณก็ไปนั่งใกล้ๆ กับร้านค้าของเขา แล้ว นับจำนวนคนใช้บริการจริงๆ โดยคุณอาจจะต้องระบุประเภทกลุ่มเป้าหมาย ของแต่ละกลุ่มให้ตรงกัน ใช้การขีดเพื่อบอกว่า คนนั้นอยู่กลุ่มเป้าหมายนั้น ใช้บริการเวลาเท่าใด เป้าหมายสุดท้ายอาจจะเป็น จำนวนคนที่เข้าร้านแต่ไม่ซื้อสินค้า แล้วลงรายการแต่ละวัน สุ่มทำสัก 5-7 วัน แล้วแต่ว่าคุณต้องการความเที่ยงตรงเพียงใด อาจจะสุ่มหลายๆ ร้าน หรือ ร้านเดียวก็แล้วแต่

ส่วนตารางที่ผมให้นั้น คุณอาจจะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับ ธุรกิจของคุณ อาจจะแบ่งเป็นชั่วโมง ก็ได้ หรือ จำนวนกลุ่มเป้าหมายก็อาจจะน้อยกว่านี้ก็ได้ หรือ อาจจะมีเพียง 1-2 กลุ่มก็ได้ แล้วแต่เอาไปปรับใช้งาน หรือ คุณอาจจะสุ่มเพียง 1-2 วันธรรมดา และ วันเสาร์-อาทิตย์ อีก 1 วันก็ได้ เรื่องเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับความสามารถและความต้องการของคุณ ยิ่งทำมากคุณก็จะเห็นข้อมูลที่ใกล้ความจริงมากขึ้นเท่านั้น แต่ค่าใช้จ่ายเยอะ เสียเวลา แต่ถ้าทำน้อย คุนก็จะเห็นข้อมูลที่คร่าวๆ แต่ใช้จ่ายน้อยลง เลือกจำนวน และ ช่วงเวลาที่เหมาะกับคุณ เพื่อให้ได้ภาพแค่พอเห็นชัดเจนเท่านั้นก็พอครับ ไม่ต้องทำเป็นเดือนหรอกนะครับ.. เสียเงินเปล่า...

เมื่อได้ข้อมูลมา คุณก็สามารถมองเห็นภาพทั้งรายละเอียด ค่าเฉลี่ยของคนใช้บริการทั้งในวันธรรมดา และ วันหยุด แล้วก็มาหาว่าร้านค้านั้นๆ จะได้กำไรสักเท่าใดจริงๆ ยิ่งเป็น เฟรนไชส์แล้ว คุณจะรู้ถึงต้นทุนที่เขาให้ แต่หากเป็นธุรกิจอื่นๆแล้ว คุณก็ต้องประมาณให้ใกล้เคียงครับ...

ตัวอย่างการคำนวนเมื่อคุณได้ข้อมูลทั้งหมดมาแล้ว

หากคุณพบว่า เฉลี่ยแล้วคนซื้อสินค้าประมาณ 10 คนต่อวันธรรมดา และ 42 คนในวันหยุด แต่มีคนเข้าร้านแต่ไม่ซื้อสินค้า ประมาณ 32 คนในวันธรรมดา และ 64 คนในวันหยุด คุณก็จะคำนวนได้แล้วว่า ในสถานที่ๆคุณไปสำรวจมาสำหรับกิจการนั้นๆ เขามีคนใช้บริการสัปดาห์ละ (10*5)+(42*2) = 134 คน ถ้าเขาได้กำไร ต่อคนประมาณ 20 บาท เขาจะได้กำไรทั้งหมด 134*20= 2680 บาทต่อสัปดาห์ ตกแล้วเดือนนึงจะได้ 10,720 บาท ถ้าเอาส่วนนี้หักค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเช่าที่ ค่าจ้างเด็ก ฯลฯ คุณก็จะเห็นภาพว่า มันสมควรที่จะทำหรือไม่แล้ว แต่นั่นต้องขึ้นกับว่า เป็นธุรกิจแนวใหม่ หรือ ธุรกิจที่อยู่มานานแล้ว เพราะ จำนวนคนเข้าร้านของธุรกิจแนวใหม่ มีโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจแนวนี้เจริญเติบโตได้ เพราะ จะมีจำนวนคน สนใจประมาณ สัปดาห์ละ (32*5)+(64*2) = 288 ราย ตกเดือนละ 1,152 ราย ซึ่งหากสามารถปรับให้คนสนใจ มาเป็นลูกค้าได้อีกสัก 10% ของคนเข้าร้านแล้วไม่ซื้อทั้งหมด (115 คน)โอกาสของธุรกิจนี้ ก็อาจจะไปได้ครับ มันแล้วแต่มุมมองของข้อมูลมากกว่า

หากคุณดำเนินกิจการดังกล่าวจริงๆ จากตารางที่ให้ คุณจะรู้เลยว่า ช่วงเวลาใด ที่คุณจะตบยุง หรือ ช่วงเวลาใด ที่คุณจะงานยุ่ง คุณสามารถบริหารเวลาของคุณได้ด้วยว่าควรเรียกคนมาช่วยช่วงวันหรือเวลาใด

บางธุรกิจไม่มีธุรกิจต้นแบบมาก่อน ก็ต้องใช้วิธีการสำรวจ ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ว่า เขาชอบหรือไม่ชอบอย่างไร อาจจะเป็นแบบสอบถาม สั้นๆ แต่ได้เนื้อหา และ ใจความตรงกับสิ่งที่คุณจะสื่อ หากเป็นสินค้าที่คุณมีมาแล้ว การสอบถามถึงสินค้า หรือ ชื่อสินค้าของคุณ ก็จะเป็นการสร้างชื่อของสินค้าของคุณอีกแนวทางหนึ่ง และ ยังได้ข้อมูลเพื่อมาวิเคราะห์หาความต้องการของลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย...

ทั้งหมดนี้ ก็คืองานวิจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดกิจการของผู้ต้องการมีกิจการเป็นของตนเอง การทำวิจัยเหล่านี้ คุณอาจจะทำของคุณเอง หรือ ให้บริษัทฯ ที่มีประสบการณ์ทางนี้ทำให้คุณ ก็ขึ้นกับงบประมาณที่คุณจะให้กับการวิจัยตลาดเหล่านี้... แต่ผมอยากเน้นว่า หากคุณเข้าใจ ข้อมูลต่างๆที่คุณเก็บมานั้น มีส่วนให้คุณลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินในการลงทุนได้ และ เป็นการเพิ่มความมั่นใจในธุรกิจที่คุณจะเปิดอีกด้วย คุณจะยอมจ่าย หรือ ยอมเสียเวลากับมัน แต่หากคุณยังยึดว่า ความรู้สึกของคุณเป็นสิ่งที่ถูกต้องแม่นยำแล้ว ก็ตามใจครับ แต่เท่าที่ผมเห็นหลายๆท่านที่ยึดความคิดของตนเป็นหลัก มีเพียงไม่กี่ท่านที่ประสบความสำเร็จจริงๆเท่านั้น...

ขอบคุณจ้อมูลเชิงลึกจาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิกข้อมูลเชิงลึกด้วย email

Enter your email address:

Delivered by FeedBurner