10 โรงแรมห่างไกลที่สุดในโลก (ตอนที่ 1)
ฟอร์บส์ เผยรายชื่อ “10 โรงแรมห่างไกลที่สุดในโลก” เอาใจผู้ที่ต้องการปลีกวิเวก ซึ่งคำว่า “ห่างไกล” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงระยะทางหรือการเข้าถึงยากแต่เพียงอย่างเดียว หากยังหมายรวมถึงโรงแรมที่มีความเงียบสงบ ให้ความเป็นส่วนตัวสูง และอยู่ไกลหูไกลตาผู้คน บางแห่งห่างไกลเทคโนโลยี ไม่มีแม้แต่ไฟฟ้า ขณะที่บางแห่งอยู่ไม่ไกลความเจริญมากนัก แต่เข้าพักแล้วให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ดินแดนอันไกลโพ้น
**
“บลูมฟิลด์ ลอดจ์” ที่เมืองแครนส์ ประเทศออสเตรเลีย
โรงแรม “บลูมฟิลด์ ลอดจ์” ตั้งอยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติเดนทรี และแนวปะการังใหญ่ (เกรท แบริเออร์ รีฟ) ในรัฐควีนสแลนด์ ซึ่งทั้ง 2 แห่งที่กล่าวมานี้ล้วนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกทั้งสิ้น
ในการไปเยือนโรงแรมแห่งนี้ นักท่องเที่ยวจะต้องเดินทางด้วยเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ จากนั้นก็เดินทางด้วยรถยนต์อีกราว 2-3 ชั่วโมง ก่อนที่จะลงเรือล่องแม่น้ำและแวรี่ เบย์ เพื่อมุ่งตรงไปยังโรงแรม
โรงแรมแห่งนี้มีบ้านพักให้เลือก 4 แบบ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งยังมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่จะต้อนรับนักเที่ยวคราวละไม่เกิน 36 ท่าน และต้องเข้าพักตั้งแต่ 4 วันขึ้นไป
นอกจากการพักผ่อนอย่างเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แล้ว แขกผู้มาเยือนยังสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า, ออกสำรวจพรรณไม้แปลกๆ และสัตว์ป่าหาดูยาก, นั่งเรือล่องแม่น้ำบลูมฟิลด์, แวะชมน้ำตกบลูมฟิลด์, ดูนก ตกปลา, นั่งเรือออกสำรวจท้องทะเล และดำน้ำตามแนวปะการังใหญ่ เป็นต้น
**
“แอนดีน คอทเทจ” ที่โรงแรม “คาซา แอนดินา ไพรเวท คอลเลคชั่น”
บนเกาะซูอาซี (อิสลา ซูอาซี) ประเทศเปรู
บ้านพัก “แอนดีน คอทเทจ” เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม “คาซา แอนดินา ไพรเวท คอลเลคชั่น” ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวขนาดเล็กที่มีชื่อว่า “ซูอาซี” (อิสลา ซูอาซี) ในทะเลสาบติติกากา ที่แคว้นปูโน ประเทศเปรู
ในการเดินทางไปเยือนโรงแรมแห่งนี้ นักท่องเที่ยวจะต้องลงเรือล่องทะเลสาบติติกากา เป็นเวลา 4.30 ช.ม. โดยออกเดินทางจากท่าเรือส่วนตัวของโรงแรม “คาซา แอนดินา ไพรเวท คอลเลคชั่น” ที่ จ.ปูโน
ระหว่างเดินทางนักท่องเที่ยวจะได้แวะชมเกาะลอยน้ำที่สร้างขึ้นจากต้นโทโทราของชาวอูรอส จากนั้นก็แวะเยือนเกาะตากีเล เพื่อเยี่ยมชมวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชนพื้นเมืองที่มีฝีมือด้านการทอผ้า ก่อนมุ่งหน้าไปยังโรงแรม “คาซา แอนดินาฯ” บนเกาะซูอาซี
โรงแรมแห่งนี้ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขาของเกาะ “ซูอาซี” ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวเพียงแห่งเดียวในทะเลสาบติติกากา แม้จะเป็นที่ตั้งของโรงแรมแต่เกาะแห่งนี้ไม่เคยมีมนุษย์ตั้งรกรากอาศัยอยู่เป็นการถาวร ดังนั้น ประชากรตัวจริงที่มีถิ่นอาศัยอยู่บนเกาะก็คือ ตัวอัลปาคาและวิคูนา ซึ่งเป็นสัตว์ประเภทอูฐ ที่มักออกมาทักทายและอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นประจำ
นอกจากอาคารและบ้านพักของทางโรงแรมแล้ว เกาะแห่งนี้ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นใดอีก ทั้งยังไม่มี รถยนต์, ไฟฟ้า(ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์สำหรับทำความร้อน), สัญญาณโทรศัพท์มือถือ และไม่สามารถเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์เน็ท จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลีกวิเวกอย่างแท้จริง
“แอนดีน คอทเทจ”
โรงแรมดังกล่าวมีห้องพักทั้งหมด 23 ห้อง และยังมีบ้านพัก “แอนดีน คอทเทจ” ขนาด 2 ห้องนอนอีก 1 หลัง ซึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวริมทะเลสาบเบื้องล่าง จึงให้บรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวสุดๆ ภายในบ้านหลังดังกล่าวประกอบด้วย ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ บาร์เครื่องดื่ม ระเบียงชมวิว และปล่องไฟแบบใช้ไม้ฟืน 2 ปล่อง ซึ่งจะมีบัทเลอร์หรือผู้ช่วยส่วนตัวมาคอยจุดไฟให้ในช่วงเวลากลางคืน (แต่สามารถเรียกใช้บริการได้ตลอด 24 ช.ม.)
**
โรงแรม “โคโคเพลลี’ส เคฟ” ในเมืองฟาร์มิงตัน รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา
“โคโคเพลลี’ส เคฟ” เป็นโรงแรมประเภทบีแอนด์บี (Bed & Breakfast) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองฟาร์มิงตัน ใกล้อุทยานแห่งชาติเมซาเวอร์เด แขกที่เดินทางไปเยือนโรงแรมแห่งนี้จะมองเห็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง 4 รัฐของสหรัฐอเมริกา (โฟร์คอร์เนอร์) ซึ่งประกอบด้วย รัฐยูทาห์ โคโลราโด นิวเม็กซิโก และ แอริโซนา
แต่ถ้าอยู่ในห้องพักสิ่งที่เห็นจะมีเพียงผนังหินทรายขรุขระ เพราะห้องพักของโรงแรมแห่งนี้อยู่ลึกลงไปใต้ดินถึง 70 ฟุต (กว่า 21 เมตร) โดยทางเข้าจะอยู่บริเวณหน้าผา แขกที่เข้าพักจึงต้องค่อยๆ ไต่ลงไปตามพื้นหินทรายที่ขรุขระและลาดชัน เพื่อลงไปยังถ้ำ (ขุดโดยมนุษย์) เบื้องล่าง
โรงแรมดังกล่าวมีห้องพักให้บริการเพียง 1 ห้อง แต่เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ ภายในมี 1 ห้องนอน พร้อมห้องครัวและห้องนั่งเล่น พื้นที่ใช้สอยรวม 1,650 ตร.ฟุต (153 ตร.ม.) โดยห้องพักที่ว่าแทรกตัวอยู่ภายในเขาหินทรายอายุราว 65 ล้านปี ภายในมีเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็น อาทิ อุปกรณ์ทำครัว พร้อมเตาอบไมโครเวฟ (ในตู้เย็นมีอาหารเช้า และผลไม้เตรียมไว้ให้ แต่มื้ออื่นๆ ต้องนำมาเอง), น้ำร้อน-เย็น, ห้องน้ำพร้อมฝักบัว และอ่างจากุซซี่ ตลอดจน ทีวีและเครื่องเล่นดีวีดี เป็นต้น
**
โรงแรม “จูลส์ อันเดอร์ซี ลอดจ์”, รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา
สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าพักภายใน “จูลส์ อันเดอร์ซี ลอดจ์” จะต้องมีความสามารถด้านการดำน้ำ เพราะห้องพักอยู่ลึกลงไปใต้ทะเล 21 ฟุต (6 เมตร) แขกผู้มาเยือนจึงต้องสวมชุดประดาน้ำแล้วดำลงไปยังห้องพัก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องปฏิบัติการและวิจัยใต้ทะเล
ภายในห้องพักของ “จูลส์ อันเดอร์ซี ลอดจ์” มีทั้งหมด 2 ห้องนอน ภายในมีมุมทำครัว พร้อมตู้เย็นและเตาไมโครเวฟ, โทรศัพท์, อินเตอร์คอม, อุปกรณ์สำหรับดูหนัง-ฟังเพลง พร้อมระบบตรวจสอบ และรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ช.ม.
นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังมีเจ้าหน้าที่คอยบริการตลอด 24 ช.ม. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม หรือแม้แต่การสั่งเชฟให้ลงมาประกอบอาหารภายในที่พัก เป็นต้น
**
เปอติต เซนต์วินเซนต์ รีสอร์ท, ประเทศเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์
“เปอติต เซนต์วินเซนต์ รีสอร์ท” ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวในทะเลแคริบเบียน ในการเดินทางไปเยือนที่นี่ นักท่องเที่ยวจะต้องขึ้นเครื่องบินไปลงประเทศบาร์เบโดสก่อน จากนั้นจึงเปลี่ยนเครื่องไปลงที่เกาะเกรนาดีนส์ แล้วลงเรือเฟอร์รี่ไปที่เกาะส่วนตัวเปอติต เซนต์วินเซนต์
เกาะเปอติต เซนต์วินเซนต์ มีเนื้อที่ 113 เอเคอร์ (286 ไร่) รายล้อมด้วยหาดทรายสีขาวระยะทางราว 3 ก.ม. และธรรมชาติที่บริสุทธิ์อุดมสมบูรณ์ บนเกาะมีกระท่อมหรูกระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ จำนวน 22 หลัง แต่ที่นี่ไม่มีการเช็คอินอย่างเป็นทางการเหมือนที่พักตามรีสอร์ททั่วไป เพราะไม่ต้องใช้กุญแจ แถมภายในบ้านพักยังไม่มีทีวีและโทรศัพท์อีกด้วย
ระหว่างเข้าพักที่นี่ แขกผู้มาเยือนสามารถเรียกใช้บริการรูมเซอร์วิสได้ทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่ไหนๆ บนเกาะก็ตาม (หากเจอตัวพนักงาน) แต่วิธีเดียวที่จะสื่อสารกับพนักงานรีสอร์ท (กรณีที่อยู่ภายในบ้าน) ก็คือ การเขียนจดหมายน้อยใส่เมล์บอกซ์ที่หน้าบ้านแล้วชักธงสีเหลือง ทันทีที่เห็นธงเหลืองพนักงานจะรีบมาเปิดดูตู้จดหมาย แล้วทำตามที่สั่งทันที
ทั้งนี้ตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะ นอกจากรูมเซอร์วิสและคนรักหรือคนในครอบครัวที่มาพักด้วยกันแล้ว แขกผู้มาเยือนอาจไม่ได้พบหน้ามนุษย์คนใดอีกเลย เนื่องจากกระท่อมแต่ละหลังอยู่ห่างกัน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น